ปัจจุบัน
เชียงใหม่ เมืองน่าอยู่และเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่ในความจริง เมืองเชียงใหม่กำลังเผชิญกับปัญหาขยะที่สะสมมานาน ครัวเรือนและร้านค้าต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ต้องจ่ายค่าเก็บขยะในราคาเท่า ๆ กัน แม้ว่าปริมาณขยะที่ทิ้งจะแตกต่างกันอย่างมาก ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษพบว่า คนไทยใช้ถุงพลาสติกมากถึง 45,000 ล้านใบต่อปี หรือเฉลี่ยคนละ 8 ใบต่อวัน ถุงพลาสติกเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากตลาดสดเทศบาลและภาคเอกชนถึงร้อยละ 40 ร้านขายของชำร้อยละ 30 และห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้ออีกร้อยละ 30
ยิ่งไปกว่านั้น ขยะประเภทอื่น ๆ เช่น ขยะอาหาร ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และขยะกระดาษก็ถูกทิ้งสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษปี 2565 จังหวัดเชียงใหม่มีขยะรวมมากถึง 720,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีปริมาณขยะสูงสุดในประเทศ เรากำลังเห็นเมืองของเราจมอยู่ในขยะ ขณะที่ผู้บริหารเมืองยังคงละเลยปัญหานี้
เปลี่ยน
เทศบาลนครเชียงใหม่จะจัดการระบบจัดการขยะในครัวเรือนใหม่ ให้เมืองเชียงใหม่สะอาดและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดย
- ปรับอัตราค่าเก็บขนย้ายขยะตามน้ำหนักและปริมาณขยะที่ทิ้ง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและส่งเสริมการลดขยะจากต้นทาง ทุกครัวเรือนและร้านค้าจะต้องจ่ายตามที่ทิ้งจริง ๆ ไม่ใช่จ่ายในอัตราเดียวกันอีกต่อไป
- ส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนและร้านค้าทำการแยกขยะที่ต้นทาง โดยมีการจัดเตรียมถังขยะสำหรับขยะแต่ละประเภท เช่น ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและนำไปรีไซเคิล ขยะที่แยกประเภทได้ดีจะช่วยลดภาระของสถานีขยะและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขยะของเรา
- นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการเก็บขยะ การรีไซเคิล และการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี พร้อมกับสร้างสถานีจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ สามารถจัดการขยะได้ครบวงจรและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เชียงใหม่ได้อะไร
- ค่าธรรมเนียมการเก็บขยะที่เป็นธรรมและโปร่งใส แยกประเภทครัวเรือน ร้านค้าและพาณิชย์เพื่อตั้งเกณฑ์การจ่ายตามปริมาณขยะที่ทิ้งจริง ช่วยกระตุ้นการลดขยะจากต้นทางและลดทรัพยากรในการจัดการขยะที่ปลายทาง
- สภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นจากการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพปริมาณขยะที่ไม่ถูกกำจัดอย่างถูกวิธีน้อยลง มลพิษน้อยลงและช่วยให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่น่าอยู่มากขึ้น
- สุขภาพของประชาชนที่ดีขึ้น การเจ็บป่วยที่เกิดจากมลพิษและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีลดน้อยลง