ปัจจุบัน
“ปัญหาแสงสว่างในเมืองเชียงใหม่ พบว่ามีไฟถนนบางจุดเสียหรือดับเป็นระยะเวลานานและไม่ครอบคลุมบางพื้นที่ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเวลากลางคืน โดยอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นชนิด หลอดโซเดียมแรงดันสูง (High-Pressure Sodium Lamp) ขนาด 250 วัตต์ ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าสูง มีอายุการใช้งานสั้นจึงต้องเปลี่ยนบ่อยครั้งและส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
ไฟถนนหลอดโซเดียมแรงดันสูง (High-Pressure Sodium Lamp) โดยทั่วไปใช้พลังงานประมาณ 100-250 วัตต์/หลอด หากคำนวณไฟถนนเปิดเฉลี่ย 10-12 ชั่วโมงต่อวัน คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหลอดราว 2,000-3,000 บาท/ปี หากเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED จะสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 50-75% ค่าใช้จ่ายต่อหลอดลดลงเหลือราว 1,000-1,500 บาท/ปี ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูง
เปลี่ยน
- เทศบาลนครเชียงใหม่จะติดตามสำรวจจำนวนและตำแหน่งไฟสาธารณะในเมืองเชียงใหม่ เพื่อจัดสรรงบประมาณสำหรับเปลี่ยนหลอดไฟ
- นำร่องติดตั้งหลอดไฟ LED แทนหลอดโซเดียมแรงดันสูงแบบเดิม จำนวน 200 ต้น บริเวณรอบคูเมืองเชียงใหม่ และขยายไปสู่พื้นที่อื่นในอนาคต
- เพิ่มไฟสาธารณะในตำแหน่งที่แสงสว่างไม่เพียงพอและซ่อมบำรุงส่วนที่เสียหาย
เชียงใหม่ได้อะไร
- ลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงรักษาของเมือง หลอดไฟ LED มีอายุการใช้งานนานขึ้น
- ประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และก๊าซเรือนกระจก สภาพแวดล้อมของเมืองดีขึ้น
- ไฟถนนส่องสว่างอย่างทั่วถึง ลดการเกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะช่วงกลางคืน คนเชียงใหม่ปลอดภัยมากขึ้นในการสัญจรบนท้องถนน