ปัจจุบัน
สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปรากฏการณ์เกาะความร้อนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ทวีความรุนแรง อุณหภูมิในตัวเมืองสูงกว่าพื้นที่รอบนอกอย่างมีนัยสำคัญ สร้างความไม่สบายตัวให้กับประชาชนและเพิ่มการใช้พลังงานในการระบายความร้อน ข้อมูลอุณหภูมิเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2562-2567) ในเชียงใหม่บ่งชี้ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 มีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 40.2°C ร้อนกว่าปีก่อนหน้า 2.1°C และมีแนวโน้มจะร้อนขึ้นทุกปี ในขณะที่พื้นที่สีเขียว ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่มีเพียง 4.6 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการคลายร้อน
เปลี่ยน
เทศบาลนครเชียงใหม่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นปอดและพื้นที่สาธารณะของเมือง โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9 ตารางเมตรต่อคน ระยะทางเข้าถึงเฉลี่ย 1.5 กิโลเมตร เพื่อดูแลสุขภาพกายและใจของประชาชน รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมโดยรวม โดย
- ปลูกต้นไม้ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่เพิ่มจำนวน 30,000 ต้นภายใน 4 ปี โดยเลือกใช้ไม้พื้นถิ่นที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพแวดล้อม ซึ่งจะออกดอกสวยงามในฤดูที่เหมาะสม เพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสร้างจุดหมายการท่องเที่ยวใหม่
- ส่งเสริมอาคารสีเขียว สนับสนุนการปลูกต้นไม้บนพื้นที่หรืออาคารของเอกชน โดยให้คำปรึกษาและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
- เพิ่มสวนสาธารณะ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ภายใน 10 นาทีจากแหล่งชุมชนที่พักอาศัย
เชียงใหม่ได้อะไร
- ประชาชนมีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น จากเมืองที่เย็นลง อยู่สบาย เศรษฐกิจคึกคัก ลดการสร้างมลพิษ
- ลดการใช้พลังงาน ในเมือง โดยเฉพาะในเรื่องการปรับอากาศระบายความร้อน ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
- ได้รับคาร์บอนเครดิต จากการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาที่ยั่งยืนและการส่งเสริมเศรษฐกิจเมืองในระดับโลกได้